เมื่อถึงหน้าร้อน หลายบ้านเริ่มสนใจที่อยากจะซื้อแอร์มาติดตั้ง ซึ่งบางคนมีปัญหาเรื่องของงบประมาณทางการเงิน ก็เลยสนใจที่อยากจะซื้อเป็นแอร์มือสองแทนการซื้อแอร์มือหนึ่ง ในบทความนี้เราจะมาบอกถึงข้อดี และข้อเสียของการซื้อแอร์มือสอง ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อให้นำไปใช้พิจารณาว่า สุดท้ายแล้วควรซื้อแอร์มือหนึ่งของใหม่เลยจะดีกว่าไหม หรือก็ยังคงเป้าหมายซื้อแอร์มือสองตามที่ตั้งใจเอาไว้
5 ข้อดีของการซื้อแอร์มือสอง มีดังนี้
ประหยัดค่าติดตั้งไป 3 – 4 เท่า
ในราคาแอร์ 20,000 บาท หากซื้อแอร์เก่าก็อาจจะได้มาในราคา 5,000 บาท ใช้ได้ยาว ๆ 5 – 10 เป็นทางเลือกให้กับท่านที่ต้องการประหยัดงบในกระเป๋า หรือต้องการติดแอร์หลายตัวในบ้าน ก็ทำได้
อายุการใช้งาน 5 – 10 ปี อยู่ที่คุณเลือก
แอร์เก่า ที่ไม่ได้เป็นแอร์มีปัญหา อาจจะเป็นเพียง แอร์จากบ้านที่ต้องการเปลี่ยนใหม่ และไม่ได้พังมาก อายุการใช้งานอยู่ที่ 5 ปีขึ้นไปสบาย ๆ ก็มี หมดปัญหาเรื่องอะไหล่และค่าไฟ ซึ่งบางบ้านแอร์เขามีปัญหานิดหน่อยก็เปลี่ยนมาหมดทั้งแผงแล้ว
หมดปัญหาเรื่อง คอยส์ร้อนรั่ว หากเป็นแอร์เคยเคลมมาใหม่
แอร์ใหม่บางรุ่น มีปัญหาในส่วนของคอยส์ร้อน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักที่ทำให้แอร์นั้นไม่ทำความเย็น ดังนั้นหากช่างแค่เปลี่ยนเอาตัวคอยส์ร้อนออก ก็ทำให้แอร์ตัวเดิมนั้นมีอายุการใช้งานได้อีกยาว ๆ
ไม่ต้องกลัวพัง ไม่ต้องกลัวเก่า ไม่ต้องกลัวสกปรก ใช้งานได้เต็มที่
สำหรับบางพื้นที่การใช้งาน ไม่ได้ต้องการติดตั้งแอร์ใหม่มาก อย่างเช่น ร้านอาหารแบบชั่วคราว ร้านกาแฟแบบชั่วคราว ร้านขายของ ซึ่งไม่ชัวร์ว่าจะตั้งอยู่นานแค่ไหน ก็สามารถเลือกแอร์เก่าเป็นทางเลือก เพราะค่าแอร์ประมาณ 5,000 บาท อายุการใช้งานได้ยาว ๆ
ประหยัดไฟ
แอร์เก่าบางยี่ห้อ สามารถนำมาดัดแปลง จนมีคุณภาพทัดเทียมกับแอร์ใหม่ และมีสัญลักษณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 เช่นกัน ไม่ต้องกลัวว่าสิ้นเดือนเปิดบิลค่าไฟมาแล้วก็น็อคกันไปทั้งบ้าน
5 ข้อเสียของการซื้อแอร์มือสอง มีดังนี้
ไม่รู้อายุเก่าของแอร์
แอร์เก่า หากเลือกร้านจากช่างที่ไม่ดี ก็อาจจะถูกหลอกให้เอาแอร์ไม่ดีมาติดตั้ง แล้วก็ใช้งานได้เพียง 1 – 2 เดือน ก็พังอีก แต่ส่วนใหญ่ ช่างที่มีร้านเปิดมานาน ก็จะไม่อยากเสียลูกค้า และไม่อยากเสียชื่อร้าน จึงเลือกซ่อมและติดตั้งแอร์สภาพดี ให้กับลูกค้า ไร้ปัญหา หากคุณอยากทราบว่าอายุของแอร์ตัวเก่าที่ถูกนำมาติดตั้งนั้น นานหรือยัง? ก็สอบถามพูดคุยกับช่างให้ชัดเจนก่อน
ไม่รู้อะไหล่ในแอร์ มาจากไหน
แอร์เก่าบางตัว ถูกเคลมแล้ว เคลมอีก ใส่ใน อะไหล่ทั้งหมดไม่รู้ว่า เคยผ่านอะไรมาบ้าง และ อาจจะเคยถูกเปลี่ยนมาก่อนหน้านี้ เพราะเราเห็นเป็นแอร์ประกอบมาเรียบร้อนแล้ว แต่ช่างบางร้านจะมีการันตีว่าหากเกิดปัญหาเขาจะมาดูให้ มาเปลี่ยนให้อีก ถือเป็นการรับประกันอีกแบบ ที่ไม่ได้มีอยู่ในแบรนด์แอร์ตัวเก่านั้น
ต้องเสียค่า Maintenance แอร์ เช่น ค่าเติมน้ำยา
แอร์เก่าที่วางอยู่ในร้าน ก็ไม่รู้ว่าวางอยู่นานเท่าไหร่แล้ว เมื่อต้องนำออกมาติดตั้งใหม่ ก็ต้องถูกนำมาเช็คสภาพอีกครั้ง และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ก็คือค่าเปลี่ยนอะไหล่บางชิ้นหากใช้ไม่ได้ และ ค่าเติมน้ำยาแอร์ น้ำยา 1 ตัวอยู่ได้ หลายปี หากต้องเติมใหม่ก็เสียค่าเติมประมาณ 100 บาท
ต้องเสียค่าติดตั้งใหม่
การเดินสายติดตั้งแอร์ใหม่นั้น ช่างจะคิดตามระยะทาง ยิ่งไกลเกิน 3 เมตร ก็ยิ่งมีค่าแรงสูงขึ้น เนื่องจากต้องอาสัยความชำนาญ เจาะท่อเดินน้ำยา แพงตัวท่อสายไฟด้วย ส่วนใหญ่แล้วจึงนิยมติดตั้งแอร์ให้ใกล้กับผนังห้อง และเดินสายไฟไม่เกิน 3 เมตร ถ้ามากกว่านั้นก็มีโอกาสสายไฟรั่ว
กินไฟ
อย่างเวลาเราอยู่หอพักที่มีแอร์เก่ามากๆ แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับแอร์เก่า ก็คือ ค่าไฟที่เพิ่มมากขึ้น แต่หากเป็นแอร์ที่ได้รับการตรวจสอบ และเปลี่ยนอะไหล่มาอย่างดี ปัญหานี้ก็จะหมดไป ดังนั้นหากจะเปลี่ยนแอร์เก่า ก็ต้องเลือกรุ่นที่ไม่นานมากนัก และ ได้รับการดัดแปลงมาอย่างดี