หลายคนเมื่อจะซื้อแอร์ เพื่อมาช่วยคลายร้อน ส่วนใหญ่แล้วมักจะเลือกซื้อแอร์ที่มาพร้อมกับค่าติดตั้งที่ถูกเอาไว้ก่อน ถือว่าเป็นการประเงิน แต่การซื้อแอร์แบบนี้ไม่ได้ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าเลย แล้วการจะเลือกซื้อแอร์ที่ทั้งถูก แถมประหยัดค่าไฟด้วย มีวิธีการเลือกซื้ออย่างไร บทความนี้มีคำตอบ
สิ่งที่ต้องตรวจสอบก่อนจะซื้อแอร์มาติดตั้งไว้ภายในบ้าน มีดังนี้
- เลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 สำหรับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 นี้ จะออกโดย กฟผ. เป็นป้ายฉลากที่ช่วยบอกให้เรารู้ว่า แอร์ตัวนี้เมื่อใช้งานแล้ว จะช่วยประหยัดไฟ เป็นแอร์ที่มีคุณภาพดี ไม่แนะนำให้ซื้อแอร์ที่มีเพียงเครื่องหมาย มอก. เพราะจะกินไฟมากกว่าแอร์ที่มีป้ายฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
- ต้องเลือกขนาดบีทียูของแอร์ ให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง ที่เราจะทำการติดตั้ง เพราะถ้าเราเลือกขนาดของบีทียูที่ไม่เหมาะสมกับขนาดของห้อง จะทำให้แอร์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แอร์ไม่เย็น แถมยังต้องเสียค่าไฟที่สูงขึ้นกว่าปกติ ยกตัวอย่าง ขนาดห้องที่เราจำติดตั้งแอร์นั้น มีขนาดห้องที่ใหญ่ต้องใช้แอร์ที่มีขนาด 12,000 บีทียู แต่เราดันไปซื้อแอรที่มีขนาด 9,000 บีทียู แบบนี้เป็นการซื้อแอร์ที่ผิด ถ้าใครที่ซื้อมาแล้ว วิธีการแก้ไขแบบง่าย ๆ ให้ทำการกั้นห้องให้มีขนาดเท่ากับบีทียูของแอร์ที่เราซื้อมา หรือก็ทำการเปลี่ยนแอร์ใหม่
- เลือกใช้แอร์แบบ INVERTER สำหรับแอร์แบบอินเวอร์เตอร์เป็นแอร์ที่ช่วยประหยัดพลังงานกว่าแอร์ธรรมดาทั่วไป ด้วยระบบของแอร์อินเวอร์เตอร์จะมีการควบคุมคอมเพรสเซอร์ให้กินไฟตามการระบายความร้อนมากหรือน้อย แต่แอร์ธรรมดาทั่วไปนั้นไม่สามารถควบคุมความร้อนที่ออกมาจากคอมเพรสเซอร์ได้เลย ไม่ว่าระดับความร้อนจะมากหรือน้อยการใช้พลังงานไฟฟ้าก็สูงเท่ากัน ข้อสังเกตแบบง่าย ๆ ที่จะรู้ว่าแอร์ที่เราจะเลือกซื้อ เป็นแอร์แบบอินเวอร์เตอร์หรือเปล่า ให้ดูว่าแอร์มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หรือเปล่า ถ้ามีแสดงว่าเป็นแอร์แบบอินเวอร์เตอร์นั้นเอง
- ห้องที่เราจะทำการติดแอร์ ไม่ควรโดนแสงแดดมากเกินไป ถ้าห้องของเราถูกแสงแดดมากจนเกินไป เมื่อติดตั้งแอร์แล้ว จะทำให้แอร์ต้องทำงานหนัก ทำให้กินไฟมาก และเราเองจะต้องเสียค่าไฟที่สูงขึ้น ดังนั้นถ้าเรารู้ว่าห้องของเรามีค่าความร้อนที่สูง ควรจะเลือกซื้อแอร์ที่มีค่าบีทียูที่สูง จะช่วยทำให้ห้องเย็นตัวได้เร็ว และประหยัดค่าไฟ
หลังจากซื้อแอร์มาติดตั้งที่บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
- ตั้งอุณหภูมิของแอร์ที่ 25 องศาเซลเซียส เป็นช่วงอุณหภูมิที่การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย ได้ทดสอบแล้วบอกว่าเป้นอุณหภูมิที่ช่วยทำให้เราประหยัดไฟมากที่สุด
- ต้องล้างแอร์ เมื่อใช้แอร์ไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว พอครบ 6 เดือน ควรจะทำการล้างแอร์ให้สะอาดใหม่ เพื่อให้ฝุ่นละออง สิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ติดตามชิ้นส่วนภายในแอร์ออกให้หมด แอร์จะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ถ้าเราไม่ล้างแอร์ จะทำให้ระบบทำความเย็นของแอร์ทำงานหนัก และกินไฟมากขึ้น
- อย่าวางสิ่งของปิดกั้นทางลมร้อนเครื่องคอมเพรสเซอร์ เครื่องคอมเพรสเซอร์ที่วางอยู่ด้านนอกของคัวบ้าน เครื่องนี้มีหน้าที่เป็นช่องระบายลมร้อนออก ถ้าเราเอาสิ่งของไปวางขวางทางลมร้อน จะส่งผลทำให้แอร์ไม่สามารถปล่อยลมเย็นออกมาได้ และแอร์ยังทำงานหนัก ยิ่งแอร์ทำงานหนักมากเท่าไร ค่าไฟก็จะสูงตามไปด้วย
เครดิตภาพจาก : homeno5.egat.co.th